วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เสียง อิสลาม: เทปบันทึกการบรรยายพิเศษเรื่อง"หลักคําสอนของศาสนาอิ...

เสียง อิสลาม: เทปบันทึกการบรรยายพิเศษเรื่อง"หลักคําสอนของศาสนาอิ...: เทปบันทึกการบรรยายพิเศษเรื่อง"หลักคําสอนของศาสนาอิสลาม หลักธรรมพื้นฐานของศาสนาอิสลาม " โดย อ.บรรจง บินกาซัน โครงการอบรมผู้สนใจอิสล...

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วังพญาไท


(วังพญาไท)






วังพญาไท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่เสด็จทอดพระเนตรการทำนา การปลูกผักและการเลี้ยงสัตว์ วังนี้พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนักเป็นที่ประทับ รวมถึงส่วนพื้นที่ด้านตรงข้ามกับพระตำหนัก โปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ทำนา รวมทั้ง โรงนา ขึ้นเพื่อประกอบพระราชพิธีแรกนาขวัญหลายครั้ง ณ วังพญาไท
พระที่นั่งพิมานจักรี เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของหมู่พระที่นั่งภายในพระราชวังพญาไท สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระที่นั่งก่ออิฐฉาบปูน 2 ชั้น โดยมีสถาปัตยกรรมทรงโรมันเนสก์ผสมกับทรงกอธิคโดยจุดเด่นของพระที่นั่งองค์นี้อยู่ที่ยอดโดมสีแดงซึ่งในอดีตใช้สำหรับชักธงมหาราชขึ้นเหนือพระที่นั่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับ รวมทั้ง บริเวณฝาผนังใกล้กับเพดานและเพดานของพระที่นั่งมีภาพเขียนลายดอกไม้แบบปูนเปียกซึ่งมีความงดงามมากและบานประตูเป็นไม้จำหลักปิดทอง มีจารึกพระปรมาภิไธยย่อเหนือบานประตูว่า "ร.ร.๖ ซึ่งหมายถึง สมเด็จพระรามราชาธิบดี รัชกาลที่ ๖ พระที่นั่งพิมานจักรีใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระมเหสี ปัจจุบันร้านกาแฟนรสิงห์อยู่ในบริเวณพระราชวังพญาไท โดยใช้อาคารเทียบรถพระที่นั่งเป็นที่ตั้งร้าน การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ภายในร้านนั้น

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

EM จุลินทรีย์ แก้น้ำเน่า จริงหรือ.....

EM จุลินทรีย์ แก้น้ำเน่า จริงหรือ.....





                เป็นกระแสวิภาควิจารณ์กันอย่างกว้างขวางพอสมควร ระหว่างกลุ่มนักวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์ กับกลุ่มที่ใช้ EM Ball แล้วได้ผลในการแก้ไขน้ำเน่าเสีย  จากปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้น หลายๆแห่งน้ำเริ่มมีกลิ่นและเน่าเสียน้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานาน จนทำให้เกิดกระแสการแก้ไขน้ำเสียด้วยEM Ball เป็นการเฉพาะหน้า EM Ball แก้ปัญหาน้ำเน่าเสียได้จริงหรือ t-news urbanitesฉบับนี้ เรามาทำความรู้จัก EM Ball คืออะไร  จุลินทรีย์ที่ ชาวบ้านเชื่อว่าแก้ไข้น้ำเสียได้แต่นักวิชาการออกมาปฎิเสธว่าแก้ไขน้ำเน่าไม่ได้เรามาฟังทัศนะของนักวิชาการและประสบการณ์กลุ่มที่ใช้ได้ผลเหล่านั้นกัน
                E.M. ย่อมาจากคำว่า Effective Micro-organisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ คิดค้นพบโดย ศาสตราจารย์ ดร.เทรุโอะฮิงะ (TEROU HIGA) แห่งมหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เทคนิคทางชีวภาพ รวบรวมเฉพาะกลุ่มจุลินทรีย์ หมวดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ ช่วยปรับปรุงสภาพความสมดุลของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น จุลินทรีย์หมวดสร้างสรรค์ที่มีใน EM ได้แก่ กลุ่มจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง แลกโตบาซิลัส เพนนิซีเลี่ยม ไตโคเดอมา ฟูซาเรียม สเตรปโตไมซิสอโซโตแบคเตอ ไรโซเบียม ยีสต์  รา  ฯลฯ
จุลินทรีย์ใน EM ส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศ และมีพลัง แอนติออกซิเดชั่นซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ของชีวิต ป้องกันมิให้มีการทำลายชีวภาพที่สำคัญของ เซลล์ได้ป้องกันฤทธิ์ของสารพิษได้หลายชนิด รักษาสภาพธรรมชาติของเซลล์ได้มิให้เสื่อมสภาพรักษาสุขภาพของคนและสัตว์ มิให้เป็นโรคหรือเจ็บป่วยได้ง่าย
ลักษณะโดยทั่วไปของ EM
เป็นของเหลวสีน้ำตาลกลิ่นหอมอมเปรี้ยวอมหวาน เกิดจากการทำงานของกลุ่มจุลินทรีย์ต่าง ๆ ใน E.M.เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารเคมีหรือ ยาปฏิชีวนะและยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เช่น คน สัตว์ พืช และแมลงที่เป็นประโยชน์ ช่วยปรับสภาพความสมดุลของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ ที่ทุกคนสามารถนำไปเพาะขยายเพื่อช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
ลักษณะการผลิต
                เพาะขยายจากจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากกว่า 80 ชนิด จากกลุ่มจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงกลุ่มจุลินทรีย์ผลิตกรดแลคติค กลุ่มจุลินทรีย์ไนโตรเจน กลุ่มจุลินทรีย์แอคทีโนมัยซีทส์ กลุ่มจุลินทรีย์ยีสต์  ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ได้จากธรรมชาตินำมาเพาะเลี้ยงและขยายให้จุลินทรีย์ขยายตัวด้วยปริมาณที่สมดุลกันด้วยเทคโนโลยีพิเศษ โดยใช้อาหารจากธรรมชาติ เช่น โปรตีน รำข้าว และสารประกอบอื่น ๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต

ศาสตราจารย์ กิตติคุณ ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ อดีตอาจารย์ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เราต้องรู้ก่อนว่า น้ำ EMกับน้ำหมักชีวภาพมันต่างกันอย่างไร คำว่าEMมันมาจากภาษาอังกฤษว่า Effective Microorganisms มันมีสองนัยยะ1.มันเป็นชื่อเฉพาะของยี่ห้อนี้ และ 2.ถ้าคุณพูดถึงชื่อ Effective Microorganismsก็เป็นคำทั่วไปมันก็คือจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน จุลินทรีย์ทุกอย่างมันมีประสิทธิภาพในการทำงานทั้งนั้น แต่น้ำหมักชีวภาพมันก็มีเชื้อที่ Effective เหมือนกัน มีประสิทธิภาพแต่เป็นเชื้อคนละตัว เพราะฉะนั้นEffective Microorganismsมันเป็นชื่อรวมทั่วๆไป ทุกอย่างมันมีประสิทธิภาพทั้งนั้นอยู่ที่ว่าจะใช้งานอย่างไร
EM มันมีทั้งน้ำและลูกบอล คนมักจะพูดถึง EM Ball เพราะตอนนี้กระแสมันคือ EM Ball มันคือรูปแบบหนึ่งที่ใช้ EMในน้ำ เมื่อทิ้งแล้วมันจมลงในน้ำมีโอกาสที่จะไม่แพร่กระจายไปมีคนบอกว่าถ้าใส่EM ลงไปในน้ำ น้ำก็จะพัดไปทำให้ EMมันหายไป ก็เลยทำเป็นลูกบอลมันก็อยู่ที่ตรงนี้ กรณีที่ใช้EM ได้ ก็คือเมื่อดินมันไม่ดีเป็นดินที่ไม่มีแบคทีเรีย ไม่มีจุลินทรีย์แล้วเติม EM ลงไปเติมจุลินทรีย์ลงไป ฉะนั้นเมื่อจุลินทรีย์มันไปย่อยเศษพืชจะทำให้เป็นสารอาหารให้กับพืชแน่นอนต้นไม้ต้องดีขึ้นเพราะทำธาตุอาหารให้มัน
แต่ถ้าเกิดว่า คุณขยายผลไปในเรื่องการบำบัดน้ำเสีย อันนี้ต้องคิดใหม่แล้ว ตอนนี้กำลังเป็นกระแสของสังคมไทยในภาวะน้ำท่วม ทุกคนอยากจะทำอะไรสักอย่างในการแก้ปัญหาน้ำเน่าก็โยนลงไปเพื่อจะทำให้น้ำมันหายเน่า สิ่งที่ผมอยากบอกสังคมไทยว่า มันต้องระวังนะต้องคิดรอบคอบว่า ผมไม่เชื่อว่าโยน EM Ball ลงไป หรือว่าเอาน้ำEM ใสลงไปจะทำให้น้ำหายเน่า
 ผมมีเหตุผลอยู่สองอย่าง หนึ่ง ก็คือเรื่องของตัวมันเอง ผมคิดว่ามันไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำเน่าได้อันที่สอง สมมุติว่ามันแก้ปัญหาน้ำเน่าได้ คุณทิ้งลงไปในน้ำท่วมตอนนี้มีน้ำท่วมอยู่เป็นหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร คุณทิ้งลงไปเท่าไรมันถึงจะทำให้หายเน่าได้ เป็นไปไม่ได้เลยถึงแม้ว่ามันจะใช้งานได้คุณก็ไม่สามารถทำให้มันมากพอที่จะใช้งานได้ ถ้าน้ำที่มันอยู่ตรงนั้น มันนิ่งมันมีสารอินทรี มันมีขยะมันต้องเน่า แล้วจะมาบอกว่าพอโยนลงไปแล้วเพื่อให้มันหายเน่าสำหรับผมเป็นไปไม่ได้
ที่บอกเป็นไปไม่ได้เพราะอะไร EM ไม่ว่าจะเป็นบอลหรือน้ำทำมาจากอะไร ทำมาจากน้ำตาลแล้วเอาหัวเชื้อใส่เข้าไป หัวเชื้อก็จะเจริญเติบโตขึ้นมาเยอะๆ อันนี้คือข้อดี แต่ถามว่าในแหล่งน้ำที่มันเน่าอยู่มันมีจุรินทรีไหม มีเยอะด้วย เอาตัวนี้เติมไปที่เค้าเรียกว่าพระเอก เอาพระเอกเติมไป ส่วนน้ำเน่าเค้าเรียกว่าผู้ร้าย เมื่อเอาพระเอกเติมไปเยอะๆก็ไปสู้กับผู้ร้ายจนผู้ร้ายตายไป น้ำก็เลยสะอาด ตอนนี้ผู้ร้ายมันมีเป็นล้านๆ พระเอกมีอยู่ยี่สิบตัวลงไปก็ตายหมดไม่มีทางชนะหรอก เข้าใจนะครับ ว่า 1.ผมยังไม่เชื่อว่ามันเวิร์ค2.ถ้ามันเวิร์คในปริมาณนี้ผมว่ามันใช้ไม่ได้
แต่สิ่งแวดล้อมมันมีสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ และสิ่งแวดล้อมทางสังคม เราพูดสายวิชาการทางวิศวะทางเทคโนโลยีเรามักจะมองทางกายภาพไม่มองทางด้านสังคม เรื่องของสังคมคืออะไรคือเรื่องของจิตใจ ในภาวะน้ำท่วมอย่างนี้เราจะเอาวิชาการอย่างเดียวไปจับโดยบอกว่า EM Ball ไม่ดีอย่างนี้ แต่ในความรู้สึกของคนอยากจะทำอะไรสักอย่างในขณะนี้ ทำไปเถอะทำไปถ้าทำแล้วสบายใจ เพราะเป็นการช่วยกันทำ ทำอะไรก็ทำถ้ามันทำให้เกิดความสามัคคีในชาติได้ ผมว่ามันเป็นสิ่งประเสริฐสุดแล้ว แต่อย่าไปหลงประเด็นว่าทิ้งลงไปแล้วน้ำมันจะหายเน่า ถ้าทำด้วยกับความสบายใจทำด้วยกับความสามัคคีกันในชาติทำให้มีการส่วนรวมทำให้ดีขึ้นทำเถอะ ถ้ามองไปว่ามันแก้ปัญหาน้ำเน่าได้จริงคงเป็นไปไม่ได้
เรื่องความเชื่อEM ตอนนี้มีเยอะด้วย การที่ผมออกมาพูดในตอนนี้จะถูกกระแสสังคมกระหน่ำ แต่ในฐานะที่เราเป็นคนที่มีความรู้ของประเทศเป็นที่ชี้นำประเทศในเชิงวิชาการ เราต้องลุกขึ้นมาพูด บอกว่ามันไม่ใช่ ไม่งั้นประเทศจะหลงทาง แล้วประเทศจะอยู่บนเงื่อนไขของสังคมของความเชื่อไม่ใช่สังคมของความรู้ ประเทศใดก็ตามแต่อยู่ด้วยความเชื่อโดยไม่ใช้ความรู้ประเทศนั้นไปไหนไม่ได้ ออกความคิดเห็นต่างกันได้ แต่ความรู้คือความรู้ความจริงคือความจริง
ชั่งให้ดีระหว่างความเชื่อกับความรู้ จากความเชื่อจะทำสิ่งที่เป็นอะไรก็ตามแต่ในช่วงเหตุการณ์อย่างนี้ ผมยังว่าทำเถอะนะทำไป แต่อย่าเอาความคิดแบบนี้ไปครอบนำจนกระทั้งว่าต่อไปในอนาคตของประเทศ ระบบน้ำเสียในเมืองไทยไม่ต้องสร้าง โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องกลัวเรื่องสิ่งแวดล้อม โยนๆเข้าไปแล้วมันจะหาย ถ้าเป็นอย่างนั้นประเทศลมจมนะครับ ต้องฟังดีๆคิดดีๆอย่าเอาความเชื่อมาชนะความรู้
ส่วนทางด้านคุณมนัส หนูสวี รองประธานมูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าจริงๆแล้วที่มีนักวิชาการออกมาให้ข่าวแบบนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ในกรณีบำบัดน้ำเสียที่ท่านนักวิชาการเป็นห่วงผมเห็นด้วยกับท่านตรงที่ว่าถ้าเอาจุลินทรีย์กลุ่มยีสบาซีรัตกลุ่มเชื่อราต่างๆซึ่งมันอยู่ในน้ำหมักที่คุณบอกว่าเป็น EMแล้วเอาผสมใส่ดินบ้างใสอะไรบ้างแล้วเรียกว่า EM Ball การใช้EM Ball ชุดนี้จะไม่ได้ผลนอกจากไม่ได้ผลแล้วจะไม่ดีด้วยจะทำให้น้ำเน่าเสียยิ่งขึ้นด้วย
ต้องขอบคุณนักวิชาการท่านนั้นแต่บังเอิญนักวิชาการท่านนั้นอาจไม่ทราบว่าจุลินทรีย์ในกลุ่มที่พวกเราทำกันอยู่ทั้งประเทศเป็นจุลินทรีย์ที่ถูกผลิตโดยดร.เทรุโอะฮิหงะจากประเทศญี่ปุ่นในจุลินทรีย์กลุ่มนี้จะกินแก๊สตระกูลไข่เน่าแก๊สพิษทั้งหลายกินคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อจุลินทรีย์เชื้อโรคอยู่ใกล้EM ที่สังเคราะห์แสงจุลินทรีย์เชื้อโรคก็จะอ่อนแอแล้วก็เสียชีวิตเพราะฉะนั้นในทฤษฏีที่พวกเรากำลังทำอยู่ในขณะนี้วันนี้คนทั้งประเทศกำลังปั้นEM บอลกันอย่างขนานใหญ่ทุกคนมีจิตใจเดียวกันก็คืออยากจะช่วยเรื่องน้ำท่วมและทุกคนได้มีประสบการณ์ในการน้ำไปใช้แล้วได้ผล
ยกตัวอย่างที่ผมได้ทำมาที่เกาะสมุยมีบ่อขยะเตาเผาขยะเสีย ขยะ57,000 ตันเน่า ชาวบ้านเดินขบวน เราใช้EM Ball EM น้ำสเปร์เข้าไปแล้วเราดูดน้ำจากบ่อขยะเอามาใส่บ่อบำบัดใส่EM Ball ลงไปใส่EM น้ำลงไป พรุ่งนี้น้ำเป็นสีชมพูมะรืนนี้น้ำเริ่มใสอีกอาทิตย์ปล่อยปลาได้แล้วเพราะฉะนั้นน้ำเน่าอยู่ในกรุงเทพและปริมณทล ในความรู้สึกผมถือว่าไม่ยากเลย
ต้อนนี้มีปัญหาน้ำท่วมส้วมเต็มเอาไปทุบใส่โถส้วม ส้วมที่เคยเต็มวันนี้เอาไปทุบใส่พรุ่งนี้ก็จะดีขึ้น แล้วมันก็ไม่ต้องสูบแล้วถ้าเอาไปใส่ในตู้เย็น ตู้เย็นมีปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็น กลิ่นอะไรต่างๆประมาณ1เดือนตู้เย็นจะไม่มีกลิ่นเลยEM Ball จะทำงานถ้าเอาไปบี้ใส่ต้นไม้ ต้นไม้จะงามมาก เพราะฉะนั้น EM Ball จะเป็นอเนกประสงค์ สำหรับตอนนี้น้ำท่วมก็เป็นเรื่องดีนะเราจะได้รู้จักประโยชน์ EM Ball กันมากขึ้น
ดร.เชิดชัย เชี่ยวธีรกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา คณบดีคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวอย่างมั่นใจว่า ขอยืนยันว่า EM Ball ใช้ได้ผลจริง แต่ที่บอกว่าการกำจัดน้ำเสียที่ดีที่สุดคือ การใช้กังหันชัยพัฒนา ด้วยหลักการเติมออกซิเจนลงไปในน้ำให้มากที่สุด อันนี้จริง แต่น้ำท่วมทั่วประเทศจะให้ไปติดตั้งกังหันทั่วประเทศมันเป็นไปไม่ได้ แต่ยังมีเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนอีกมากมายที่สามารถนำมา บำบัดน้ำเสียได้ เพราะมันทำงานเป็นห่วงโซ่อาหารที่กินต่อกันเป็นทอดๆ โดยเฉพาะในภาวะน้ำท่วมนี้ จะมีเชื้อบาดทะยัก เชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นอันตราย แต่เมื่อส่งจุลินทรีย์  EM ลงไป มันจะไปกินเชื้อพวกนี้ให้หมด ทำให้น้ำปลอดภัยขึ้น
วันนี้ถ้าเรามองที่ต้นเหตุ น้ำเน่าเสีย คืออะไร ในแต่ละวันคนจะทำน้ำเสียเฉลี่ย25ลิตรต่อคนต่อวันการใส่ EM ลงไปในน้ำเน่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ชาวบ้านบางส่วนบอกว่าใช้ได้ผล นักวิชาการบอกว่าไม่ได้ผลเหมือนกับเป็นการยืนอยู่กันคนละมุมความคิด วันนั้นน้องน้ำมา วันนี้น้องน้ำเริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็น ปัญหาที่แท้จริงมันคืออะไร วันนั้นคนทิ้งขยะกันมากขึ้น วันนั้นคนจะทำน้ำเสียเฉลี่ย25ลิตรต่อคนต่อวัน วันนั้นคนไม่ได้ให้ความสนใจกับธรรมชาติ วันนั้นคนไม่ได้จัดการกับขยะให้เป็นระบบ  วันนี้เราจึงเริ่มมองเห็นปัญหาที่เราได้ก่อขึ้น  วันนี้เราจะจัดการปัญหาน้ำเน่าเสียอย่างไรให้เป็นระบบมันเป็นคำถาม อนาคตจะเป็นคำตอบว่าเราแก้ไขปัญหาน้ำเน่าอย่างไรในวันนี้...    

คมความคิดจากหนังสือวันที่ถอดหมวก

คมความคิดจากหนังสือวันที่ถอดหมวก
โดย เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
สำนักพิมพ์สามัญชน


“ถ้าคิดแค่ตัวเองหรือกลุ่มตัวเองอยากทำอะไร บางทีมันคิดไม่ออกหรอก แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามเสียใหม่ว่า ในสถานการณ์อย่างนี้ บ้านเมืองต้องการอะไร บางทีอาจจะคิดได้มากขึ้นว่ามีสิ่งไหนบ้างที่ควรทำ”
                “แล้วมันต่างกันยังไง ผมไม่เห็นเข้าใจ” ลูกชายผมประท้วง
                “ต่างสิ พ่อหมายถึงว่า เธอจะต้องขยายกรอบคิดของตัวเองออกไปให้คลุมทั้งพื้นที่ที่กว้างขึ้น และกาลเวลาที่ยาวนานขึ้นจึงจะมองเห็นปัญหาและทางออกชัดเจนขึ้น จากนั้นจะรู้ว่าตัวเองควรทำอะไร”
                “พ่อช่วยยกตัวอย่างหน่อย”
                “ได้ ตัวอย่างเช่นคนกลุ่มหนึ่งไม่ชอบหน้าท่านนายกฯและเรียกร้องให้นายกฯลาออก ถึงตอนนี้ พอท่านนายกฯประกาศเว้นวรรค บางคนก็คิดว่าเรื่องจบแล้ว ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว ขณะที่บางคนยังสนุก ไม่อยากให้จบ แต่ก็นึกไม่ออกว่าควรจะทำอะไรต่อ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะใช้กรอบคิดที่ค่อนข้างจำกัด เห็นแค่ความรู้สึกของตัวเอง หรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับนายกรัฐมนตรีเท่านั้น การมองปัญหาแบบนี้ด้านหนึ่งก็ทำให้มองข้ามสาเหตุทางสังคมที่ทำให้คุณทักษิณขึ้นมากุมอำนาจ กระทั่งมองข้ามความเป็นมาเชิงโครงสร้างของปัญหาผู้นำการเมือง และอะไรๆ อีกหลายอย่าง ในอีกด้านหนึ่งก็ทำให้เน้นหนักในการต่อต้าน เกลียดชังตัวบุคคลจนบางทีล้ำเส้นความถูกต้องเหมาะควรไปเหมือนกัน....
                “แต่ถ้าเราขยายกรอบคิดไปสู่การทำความเข้าใจสังคมไทยและการเมืองไทยทั้งระบบ กระทั่งมองให้เห็นการพัฒนาประเทศที่ผิดพลาด และผลกระทบของยุคโลกาภิวัตน์ เราก็จะเห็นว่า ปัญหาไม่ได้เริ่มที่คุณทักษิณและไม่ได้จบที่คุณทักษิณ ถ้าอยากแก้ไขความโน้มเอียงในเรื่องอำนาจกันจริงๆ ก็คงต้องปฎิรูปกันทั้งสังคม และระบอบการเมืองการปกครองต้องไม่ปล่อยให้มีคนจนเต็มบ้านเต็มเมือง คอยเลือกเศรษฐีขึ้นมากุมอำนาจ จากนั้นไม่ปล่อยให้ผู้กุมอำนาจทำอะไรก็ได้โดยปราศจากกระบวนการตรวจสอบ...มองจากมุมนี้แล้ว เรื่องที่ต้องทำมันมากมายเหลือเกิน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะไปจบลงเมื่อไหร่”
                “ครับๆ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับ” เจ้าหนูคนเล็กของผมพยักหน้าพลางฉายแววตาท้อแท้ ซึ่งผมเดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเขารู้สึกเหนื่อยใจกับพ่อหรือปัญหาบ้านเมือง
                “จำไว้ก็แล้วกัน” ผมกล่าวแบบสรุปรวบยอด “ทุกครั้งที่มีปัญหาแล้วคิดอะไรไม่ออก เธอต้องขยายกรอบคิดให้กว้างออกไป ขยายกรอบเวลาในความคิดให้ยาวนานขึ้น แล้วจะมองเห็นทางออกเอง”
                พูดตรงๆตอนคุยกับลูกผมไม่ได้เตรียมถ้อยคำเอาไว้ล่วงหน้า มิหนำซ้ำยังไม่รู้ชัดด้วยว่าตัวเองซ้อนวิธีคิดแบบนี้ ไว้ในหัวตั้งแต่เมื่อใด ผมรู้แต่ว่าพอเริ่มตอบคำถามมันก็พรั่งพรูออกมาตอนแรกนึกว่าเป็นผลพวงของการฝึกฝนทางด้านสังคมศาสตร์แต่คิดไปคิดมากลับรู้สึกไม่ใช่
สังคมศาสตร์อาจมีส่วนจัดแต่งภาษาบ้าง แต่รากฐานจริงๆ น่าจะเป็นประสบการณ์ชีวิตผสมกับบทเรียนทางธรรมมากกว่า
นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมนึกถึงลำแดดเหนือม่านฝน....

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พระราชวังสราญรมย์

พระราชวังสราญรมย์

พระราชวังสราญรมย์ เป็นวังที่ตั้งอยู่ระหว่างพระบรมมหาราชวัง กับวัดราชประดิษฐ์ ทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยใช้เป็นที่ทำการของกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นบ้านพักรับรองพระราชอาคันตุกะ
พระราชวังสราญรมย์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น ออกแบบโดย เฮนรี อาลาบาศเตอร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2409 โดยมีเจ้าพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (เพ็ง) เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อใช้เป็นที่ประทับ พระราชทานนามว่า สราญรมย์ แต่เสด็จสวรรคตก่อนที่จะสร้างเสร็จ
ในช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานวังสราญรมย์ให้เป็นที่ประทับชั่วคราว ของเจ้านายเมื่อแรกออกจากวังหลวง ก่อนที่วังประทับถาวรจะก่อสร้างแล้วเสร็จ อาทิเช่น เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ทรงประทับเมื่อ พ.ศ. 2419 - 2424 ระหว่างก่อสร้างวังบูรพาภิรมย์ ต่อมาทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ประทับรับรองพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ
เมื่อ พ.ศ. 2428 พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทววงศ์วโรปการ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ทรงขอพระราชทานวังสราญรมย์ ให้เป็นที่ทำการของกระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาจึงย้ายไปที่ตึกราชวัลลภ ในพระบรมมหาราชวัง ใน พ.ศ. 2430 วังสราญรมย์ จึงใช้เป็นบ้านพักรับรองพระราชอาคันตุกะ เรื่อยมาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระองค์โปรดให้เรียก "วังสราญรมย์" เป็น "พระราชวังสราญรมย์" ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2459
ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะภายใต้การดูแลของกรุงเทพมหานคร)ได้มีการก่อสร้างทำเนียบองคมนตรีและอาคารสำนักราชเลขาธิการ ซึ่งยังใช้เป็นที่ทำการของคณะองคมนตรีมาจนปัจจุบันนี้

สะบ้าชาวมอญ

                                                                สะบ้าชาวมอญ






การเล่นสะบ้าของชาวมอญ เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่มีมาแต่สมัยโบราณชนิดหนึ่ง เล่นสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย การเล่นสะบ้าของชาวมอญนั้นไม่ใช่แต่เพื่อความสนุกสนานอย่างเดียวเท่านั้น การเล่นสะบ้านี้เล่นเพื่อให้รู้จักความหมายและความเป็นมาของบรรพบุรุษที่เคยใช้วิถีชีวิต ในการเลือกคู่ครองหรือหาคู่ครอง ซึ่งการเล่นสะบ้านี้ให้สังเกตกิริยาท่าทางของผู้เล่นทั้งสองฝ่าย การสังเกตกิริยาท่าทางของทั้งสองฝ่ายนั้น ให้สังเกตจากท่าเล่น เช่น ท่าดีด ก็ให้ทั้งชายและหญิงได้สังเกตนิ้วว่าอ่อนหรือเปล่า ถ้าท่านั่งให้สังเกตว่านั่งเรียบร้อยหรือเปล่า
ประเพณีการเล่นสะบ้าของชาวมอญนิยมเล่นในเทศกาลสงกรานต์ในช่วงระหว่างวันที่ 13-18 เมษายน จุดประสงค์ของการเล่น เพื่อความสนุกสนานรื่นเริง เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ คลายความเหน็ดเหนื่อยจากการประกอบภารกิจต่างๆ ในรอบปี อีกประการหนึ่ง เล่นเพื่อความสมัครสมานสามัคคีซึ่งกันและกัน ในการประกอบกิจกรรมต่างๆ เนื่องจากเทศกาลสงกรานต์นี้ ชาวมอญถือเป็นช่วงวันขึ้นปีใหม่จึงหยุดการประกอบภาระกิจการงานเพื่อพักผ่อน จัดตกแต่งทำความสะอาดบ้านเรือน ทำบุญตักบาตร ฟังธรรม จำศีล สรงน้ำพระภิกษุสามเณร รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่