วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คิตาล....คำถามแรกเรื่องความสะอาดของเด็กมุสลิม




คิตาล....คำถามแรกเรื่องความสะอาดของเด็กมุสลิม


เรื่องและภาพ อดัม
ห้องรับรองสี่เหลียมในมัสยิดหลังนั้นดูไม่ใหญ่มากนัก มันสร้างความอึดอัดและความกังวลเข้ามาครอบงำจิตใจอย่างมาก  ผู้ใหญ่หลายคนรุมเข้ามาจับตัวเรา ห้องนั้นเป็นห้องแอร์ที่เย็น แต่ในใจกลับร้อนรุ่มด้วยความกลัว  ในห้องไม่มีพิธีอะไร ไม่มีควันธูปหรือบทสวดขอพรต่างๆ มีแต่เสียงพูดคุยถึงเรื่องที่เราไม่รู้จัก    ผู้ใหญ่หลายคน คอยปลอบใจกับสิ่งที่เรากำลังจะเจอ  ด้านขวามือของชายคนนั้นมีกระเป๋าเครื่องมือสีดำใบใหญ่  มีถาด กระโถน สำลี  เข็มฉีดยา ผ้าพันแผล ขนาดต่างๆ แอลกอฮอล์ ยาแก้ปวด ที่ หนีบหนังทำมาจากทองเหลือง กรรไกร และมีด  วางอยู่ข้างกาย ในตำแหน่งที่หยิบจับได้ง่าย
ชายคนที่นั่งใกล้เครืองมือมีรอยยิ้มที่มุมปาก  เสียงอันแผ่วเบาหลุดออกจากปากชายคนนั้น บอกให้นอนลง ผู้ใหญ่หลายคนจับเราล้มลงนอน  เราฝืนไม่อยากนอน แต่ก็สู่แรงไม่ไหว ขาทั้งสองข้าง ถูกกดทับด้วยขาของชายคนที่นั่งใกล้กับเครื่องมือ หรือที่ผู้ใหญ่ในห้องเรียกว่าหมอ  สองขาที่ถูกกดทับทำให้ดิ้นหรือขยับไม่ได้ มือสองข้างยังมีแรง ที่จะเคลื่อนไหว แต่มีมืออีกหลายมือเข้ามาจับ  จนทำให้ขยับเขยื้อน อย่างยากลำบาก   สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากการล้มวัว เพื่อเชือด เอาเนื้อมาทำอาหาร  เด็กอย่างเราไม่มีความรู้หรือเข้าใจอะไรในสิ่งที่ผู้ใหญ่กำลังทำอยู่...
ยาชาเข็มแรกฉีดเข้าไปที่องค์ชาติเล็กๆ ความเจ็บคล้ายมดกัด ทำให้เราสะดุ้ง บิดตัวไปมา แต่แพ้แรงต้านของผู้ใหญ่หลายคน น้ำตาเริ่มไหล เสียงร้องเริ่มเพิ่มความดัง เสียงปลอบโยนของผู้ใหญ่หลายคนเข้ามาผ่อนคลาความกลัวที่เกิดขึ้น  ไม่นานความเจ็บ ก็หาย  เมื่อยาชาออกฤทธิ์ทำให้องค์ชาติ เล็กๆของเราไม่ได้รับความรู้สึกอันใดแม้แต่เอานิ้วดีดไปแรงๆ  
คนประกาศยังเรียกชื่อเด็กอย่างต่อเนื่อง ให้เขาสู่ห้องรับรองนั้น ด้านนอกมีวงดนตรีพื้นถิ่น หรือที่ชาวมุสลิมเรียกว่าวงดนตรีนาเสป มีกลองรำมานา ไวโอลิน และเครื่องเขย่า ส่วนใหญ่จะเล่นเพลงทำนองมาเลย์ สนุกสนานกลบเสียงร้องของเด็กในห้องรับรองเพื่อไม่ให้เด็กที่อยู่ข้างนอกได้ยินและเกิดความกลัว
เด็กหลายคนเดินเข้าออกในห้องรับรองอย่างต่อเนื่อง เด็กบางคนมีน้ำตาซึม เด็กบางคนแสดงออกถึงความกล้าหาญเดินยิ้มออกมาจากห้องรับร้อง ส่วนเราตอนนี้อวัยวะเพศไม่มีความรู้สึกอะไร เวลาผ่านไปหลายนาที วงดนตรีนาเสป ยังคงเล่นเพลง เสียงคนประกาศเรียกยังทำหน้าที่ต่อ เสียงพูดคุย เสียงหยอกล้อกับเด็ก  เสียงปลอบโยน ทุกๆเสียงที่แสดงออกมา ทำให้พื้นที่บริเวณด้านนอกห้องรับรอง ดูวุ่นวาย และสับสน เรายังคงทำได้แค่รอฟังเสียงเรียกชื่อเพื่อที่จะเริ่มในขั้นต่อไป 
การทำคิตาล ตามชื่อเรียกในภาษาอาหรับที่แปลเป็นภาษาไทยว่าการเข้าพิธีตัดหนังหุ้มปลาย อวัยวะเพศชาย หรือเรียกอีกกย่างว่า สุนนะห์ (การทำตามแบบอย่างของนบีหรือผู้ประกาศศาสนาอิสลาม) ปัจจุบัน เรียกเพี้ยนมาเป็นพิธีเข้าสุนัต  ส่วนทางภาคใต้เรียกว่า มาโซ๊ยาวี ความหมายเหมือนกันคือ การตัดหนังหุมปลายอวัยวะเพศชาย   มุสลิมทั่วโลกมีมาตรฐานเดียวกัน  คือจำเป็นต้องตัดหนังหุ้มปลาย อวัยวะ เพศชาย เพื่อรักษาความสะอาดจากสิ่งที่หมักหมมในคอคอดขององค์ชาติผู้ชาย ครูมูฮำมัด ปรีชาศิลป์ อธิบาย จริงๆแล้วสิ่งที่ศาสนากำหนดเพียงแค่ตัดหนังหุ้มปลายเท่านั้น ไม่มีพีธีอะไร ตัดเสร็จก็เป็นอันเสร็จ จบขั้นตอนในการทำคิตาล
ประวัติในการขลิปหนังหุ้มปลายอวัยะเพศนั้นมาจากนบี(ผู้ประกาศศาสนาอิสลาม)คนแรกคือ นบีอดัม(ตามความเชื่อและหลักการศัทธาของมุสลิม)ได้กระทำเรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน นั้นคือมุมมองของอิสลาม
การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย มันไม่ใช่ประเพณี แต่ทั้งหมดคือ หลักการที่ศาสนากำหนดเอาไว้ ผู้ประกาศศาสนาอิสลามคนสุดท้ายคือท่านนบี มูฮำมัด ได้บอกเอาไว้กับสาวกของท่านว่า สี่อย่างที่เป็นแนวทางของท่านในความเป็นธรรมชาติของมุนษย์  หนึ่ง การคีตาลหรือการขลิปหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย สองการใช้เครื่องหอม สามการแปรงฟันและสี่คือการแต่งงาน สีอย่านี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการศัทธาในการยึดมั่นแต่เป็นธรรมชาติที่พระเจ้ากำหนดให้แก่มนุษย์ สี่อย่างนี้ในมุมมองของอิสลามบอกว่ามีแต่ประโยนช์ไม่มีโทษ ในหนังสือการอบรมเด็กในแนวทางอิสลาม ของดร.อับดุลเลาะนาเซียอุรวาน กล่าวเอาไว้ว่า การขลิปหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศนั้นจะทำให้ห่างไกลจากโรค การพรมของหอมจะทำให้ร่างกายแข็งแรง การแปรงฟังนั้นสุขภาพจะดี และการแต่งงานจะขยายเผ่าพันธุ์
ส่วนการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ในมุมมองของศาสนาอิสลามนักวิชาการได้แบ่งมุมมองในเรื่องคิตาลไว้สองมุมมอง คือหนึ่ง ถ้ามุสลิมคนใดไม่ทำจะเกิดโทษถ้าปฎิบัติจะได้ความดี สองสนับสนุนให้ทำทิ้งไม่เป็นไรถ้าทำแล้วได้ความดี ในมุมมองสองอย่างของนักวิชาการอิสลาม ในทัศนะที่น่าเชื่อถือที่สุดคือการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศนั้นเป็นสิ่งจำเป็นถ้าไม่ทำนั้นเกิดโทษ  มุสลิมคนไหนไม่ทำจะมีบาปติดตัวตลอดเวลา แต่การปฎิบัติศาสนกิจของเขาก็ใช้ได้ถ้าล้างอวัยวะเพศให้สะอาด  แต่อิสลามนั้นสอนให้เราป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นไม่ใช้มาแก้ไขที่หลัง นั้นคือคำสอนของอิสลามที่ให้ป้องกันไม่ใช่การแก้ไข ครูมูฮำหมัด ปรีชาศิลป์ กล่าวทิ้งท้ายในมุมมองของอิสลามสำหรับการตัดหนังหุ้มปลายหรือที่ชาวมุสลิมภาคกลางส่วนใหญ่เรียกว่าการตัตสุนัต
เสียงตนตรีนาเสปยังคงขับกล่อมบรรเลง เป็นภาษามาลายูที่คุ้นเคยแต่เราไม่เข้าใจในความหมาย และนัยยะของการแสดงดนตรีพื้นบ้านเหล่านี้  คงเหมือนกับเมื่อวานการแสดงต่างๆได้ถูกจัดขึ้นเพื่อเด็กอย่างพวกเราได้มีส่วนร่วมในพีธีเหล่านั้น 
เด็กอย่างเราได้เป็นคนสำคัญของงานที่จัดขึ้นท่ามกลางพ่อแม่ และคนในหมู่บ้านที่มาร่วมงานกันอย่างมากมาย ถ้าย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันวาน มันเป็นวันสำคัญในชีวิตพวกเราวันหนึ่ง
เวลานั้นเป็นเวลาบ่ายสามแสงแดดเริ่มที่จะคลายความร้อนลงบ้าง เด็กหลายคนได้ถูกจัดรวมในบ้านไม้สักหลังใหญ่อายุน่าเกินร้อยปี ในบ้านหลังนั้นเด็กที่มารวมตัวกัน ได้แต่งตัวในแบบฉบับคนมาลายู เสื้อแขนยาวไม่รัดรูปการเกงขายาวมีผ้าโสร่งพันทับกางเกงอีกชั้นหนึ่ง บนศรีษะมีหมวกกอเปีย แล้วพันทับด้วยผ้าสาราบันสีๆต่าง ข้างเอวมีมีดกริดพบเน็บไว้ บนลำตัวมีผ้าขาวม้าพันทับชายขวา และมีเครื่องประดับสวมใส่แล้วแต่ความต้องการ ส่วนโสร่งถูกคาดด้วยเข็มขัดทองหรือนาก เป็นความงามและบอกถึงวิถีการแต่งตัวในแบบคนมาลายู คนหลักร้อยคนที่มารวมกันที่บ้านหลังนั้นทำให้บรรยากาศดูคึกคักเป็นพิเศษ บอกเป็นนัยยะถึงการเริ่มประเพณีการแห่เด็กที่จะทำการตัดสุนัตกำลังจะเริ่มขึ้น
ประเพณีการแห่เด็กที่จะทำการเข้าสุนัต ในมุมมองของศาสนานั้นไม่มีแบบอย่างให้กระทำแต่มิติทางสังคมที่สามารถกระทำได้ คุณอานัน ทรงศิริ ประธานศูนย์วัฒนธรรมชุมชนมุสลิม-มลายูบ้านปากลัดอธิบายถึงประเพณีการเข้าพิธีสุนัตว่า เรามองในมิติทางสังคมวัฒนธรรมมากกว่า  และประเพณีเหล่านี้ได้ตกทอดมาจากเมื่อคราวที่รัฐปัตตานีแตกถูกสยามในสมัยนั้นเข้าตีและยึดครอง  บรรพบุรุษ ของเราได้ถูกต้อนเข้ามาที่เมืองบางกอก ประเพณีเหล่านี้ก็ได้สืบทอดต่อกันมา มันเป็นกุศโลบายที่คนในสมัยก่อนได้กระทำกัน จำลองภาพเหตุการณ์ในการออกรบ สเหมือนเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้เด็กที่พรุ่งนี้จะทำการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เมื่อก่อนนั้นไม่มียาชาเด็กจะเจ็บมาก กุศโลบายที่คนยุคก่อนได้ทำเอาไว้ ให้เด็กไม่เกิดความกลัว
การเริ่มพิธีการแห่เด็ก นั้นได้ให้เด็กแต่งตัวสวยงามแบบเจ้าเมือง เหมือนจะออกไปรบ มีการตั้งขบวน ในขบวนประกอบด้วย คนดีเป็นที่นับถือของคนในหมู่บ้านเดินนำหน้า และก็มีคนถือธงสีต่างๆเดินตาม สีของธงนั้นมีนัยยะบอกถึงต้นสายตะกูลต่างๆ และตามมาด้วยคนถือไม้หอมที่เผาไฟทำให้เกิดกลิ่นหอม และมีอาหารคาวหวานต่างๆไว้เป็นสเบียงในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวเหลืองไก่ย่างและผลไม้ต่างๆ ต่อมาก็เป็นเหล่าทหาร ที่ถือดาบ หรือคณะกระบี่กระบองในปัจจุบัน และตามมาด้วยเด็กที่จะทำการตัดสุนัตก็คือเจ้าเมืองนั้นเอง โดยขี่คอของชายที่แข็งแรง เปรียบเสมือนการขีพาหนะถ้าเป็นแถวภาคใต้ก็จะขี่ช้างจริงๆในการแห่ในขบวน ปิดท้ายขบวนโดยกลุ่มคณะนาเสป ที่สร้างเสียงเพลงทำให้ขบวนไม่รู้สึกว่าเงียบนั้นคือรูปแบบขบวนที่ทำการแห่เด็ก ระยะทางแล้วแต่ความสะดวกในแต่ละท้องที่
ขบวนทุกอย่างที่กล่าวมามันเป็นแบบจำลองในการออกศึกในสมัยก่อน เพื่อให้เด็กเกิดความฮึกเหิม คลายความกังวล ในการตัดสุนัตในวันพรุ่งนี้ มันเป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนได้กระทำกันไว้ คนละมิติกับศาสนา  เราเห็นว่าดีก็ทำการสานต่อประเพณีการเข้าสุนัต คุณอานัน ทรงศิริ ประธานศูนย์วัฒนธรรมชุมชนมุสลิม-มลายูบ้านปากลัด ให้ข้อมูล
เสียงประกาศเรียกให้ชาวมุสลิมไปทำพิธีละหมาดจบลงได้ไม่นานขบวนแห่ที่เตรียมพร้อมก็เคลื่อนย้ายออกจากบ้านไม้สักเก่าหลังนั้น ไปตามถนน อากาศร้อนไม่มาก เราอยู่บนคอของผู้ใหญ่คนหนึ่งที่แข็งแรงขาทั้งสองข้างหนีบเข้ากับชายโครงของชายคนนั้น กลัวว่าเราจะตกจากคอที่เขาแบกอยู่ เสียงเพลงที่ดังไล่หลังมา แข่งกับเสียงของการรั่วชัดเตอร์ถ่ายภาพ ทำให้ขบวนแห่ดูมีชีวิต เป็นขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ ถนนขนาดที่รถสามารถวิ่งสวนกันได้ดูแคบไปถนัดตา ขบวนแห่เคลื่อนที่แบบไม่เร็วและไม่ช้าจนดูน่าเบื่อ มันเป็นขบวนที่สนุก สำหรับเด็กอย่างเรา ผู้ใหญ่หลายคนเดินอยู่ข้างๆขบวน วันนี้เป็นวันที่เด็กอย่างเราดูมีความหมายขึ้นมาอย่างมาก สายตาหลายๆคู่ถูกมองมาที่เด็กอย่างเรา มีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนสายตาเหล่านั้น ทำให้เราลืมนึกถึงวันพรุ่งนี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไปได้ชั่วขณะ ใช้เวลาไม่นานขบวนแห่ที่เคลือย้ายคนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งก็ถึงจุดหมาย
เราถูกให้นั่งในแถวแรกของลานกว้าง ที่ถูกจัดเตรียมมันเป็นลานกว้างของโรงเรียนสอนศาสนา ลานกว้างแห่งนี้ถูกเติมจนเติมพื้นที่ จากจำนวนคนมากมาย เสียงเพลงเริ่มบรรเลงอีกครั้งหลังจากหยุดพักในการเดินแห่ หญิงชายหลายคู่ เดินออกมาอยู่ที่ลานกว้าง การแสดงเริ่มหลังจากเสียงพิธีกรจบลง มันเป็นการลำที่มีชื่อเรียกว่ารองแง็ง ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเคยเล่าให้ฟังว่าการแสดงรองแง็ง มีมาในสมัยโบราณ เป็นที่นิยมในบ้านขุนนางหรือเจ้าเมืองรัฐปัตตานี ในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือน จบจากการรำรองแง็ง ก็เป็นการตีกระบี่กระบอง
การตีกระบี่กระบองนั้นเป็นการต่อสู่ที่ดูสนุกและน่าตื่นเต้นสำหรับเด็กอย่างเรา  ปิดท้ายของการแสดงเป็นการรำกริด ก่อนเริ่มผู้ที่รำจะเข้ามาจับมือกับเด็กๆที่รวมพิธีทั้งหมดถือเป็นการให้พรของผู้ใหญ่  รำกริดเป็นการต่อสู่ด้วยการใช้มีดกริดเป็นอาวุธ เป็นภาพที่ดูขึงขังและจริงจังมาก เป็นการต่อสู้และร่ายรำที่สวยงามและแปลกตา นั้นคือภาพความทรงจำของเมื่อวาน แต่วันนี้เราไม่ต้องใสเสื้อผ้าที่สวยงามแบบเมื่อวาน ไม่มีพีธีอะไรมากมาย มีเพียงผ้าขาวม้าผืนเดียวที่ปิดท่อนร่างของร่างกายและองค์ชาติเล็กๆของเราตอนนี้ก็ไม่ได้รับความรู้สึกอะไรเพราะฤทธิ์ของยาชาจากการฉีดเมื่อหลายนาทีก่อน
          เวลาผ่านไปนานหลายนาทีหลังจากการฉีดยาชากับองค์ชาติ ความทรงจำในเหตุการณ์เมื่อวานได้หยุดลงเมื่อเสียงเรียกชื่อเราดังขึ้น เพื่อจะเข้าสู่ห้องรับรองอีกครั้ง  เราเดินตามเสียงเรียกนั้นอย่างว่าง่าย ให้เข้ามาในห้องสี่เหลียมรับรองของมัสยิดอีกครั้ง ข้าวของเครื่องใช้ยังถูกจัดเอาไว้เหมือนเดิม แล้วเสียงหมอคนเดิมก็เปล่งเสียงที่นิ่มนวลบอกว่าขอดูองค์ชาติอันน้อยๆของเรา ขาทั้งสองข้างถูกกดทับและมือก็ถูกกดจับเอาไว้ เหมือนคราวแรกที่เข้ามา ตอนนี้เรารู้สึกว่าจะขยับขเยื้อนไม่ได้เลย ความกลัวเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจอีกครั้ง
 หมอจับที่อวัยวะเพศเรา ย่นหนังที่หุ้มปลายเขามาแล้วเอาสำลีเช็ดสิ่งสกปรกตรงบริเวณหัวขององค์ชาติ หมอใช้ไม้ใส่เข้าไปตรงหนังแล้วดึงหนังออกมา มีทีหนีบเหล็กแบบทองเหลือ เขามาหนีบไว้ตรงบริเวณหัวขององค์ชาติ เพื่อไม่ให้หนังย่นกลับเข้าที่เดิม แล้วหมอก็ใช้มีดตัดตรงแท่งเหล็ก
ทันทีที่หนังส่วนปลายหลุดขาด หนังจะย่นเลยมาที่ตรงคอคอดของอวัยวะเพศ เลือดสีแดงสดไหลออกมามาเล็กน้อย ผ้าพันแผลถูกพันทับสองชั้นบริเวณต่ำจากคอคอดไปเล็กน้อย เวลาที่ใช้ในการตัดไม่ถึงห้านาทีขั้นตอนนี้เราแทบไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะยาชากำลังออกฤทธิ์
หมอเปร่งเสียงอีกครั้งบอกว่าเสร็จ ในการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ หลายคนดูโล่งอก รวมถึงตัวเราที่ผ่านการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เสร็จเสียงที่เป็นคำพูดที่กังวานอยู่ในใจ ความกังวลต่างๆหายไปเมื่อได้เดินออกมาจากห้องรับรองแห่งนั้น เสมือนเราเป็นหนึ่งในผู้ชนะสงครามแห่งความกลัวภายใต้จิตใจ ความดีใจจนทำให้รู้สึกเบิกบานโดยมีเครื่องหมายเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก และความสุขที่ได้ผ่านเรื่องราวที่ทำให้มีความคิดกังวลหมดไป ความจริงแล้ว ชีวิตในวันข้างหน้าอาจกำลังเปิดประตูต้อนรับเราอยู่ ทั้งด้านดีและด้านร้าย ชีวิตเป็นบทเรียนเสมอ ความเจ็บปวดคงเป็นเครื่องหมายวัดความแข็งแกร่งที่ดีในจิตใจเรา
 คิตาลสงครามแห่งความหวาดกลัวได้จบลงมันเป็นสงครามแรกที่เราต้องเผชิญความเจ็บจากบาดแผลรอเวลาแห่งการเยียวยารักษา มันเป็นสัญญาลักษณ์แห่งความสะอาดที่ติดตัวเราไปจนหมดลมหายใจ และเป็นเครื่องหมายที่บอกว่าเราผ่านมาแล้วกับช่วงเวลาเหล่านี้
 ผู้ประกาศยังคงทำหน้าที่เรียกเด็กรายต่อไปมาทำการตัด แสงแดดของวันยังคงทำหน้าที่อย่างร้อนแรง ความวุ่นวายยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หน้าที่และบทบาทของชีวิตยังคงดำเนินต่อไป จากคำกล่าวของท่านศาสตร์ดาว่า  แท้จริงแล้วมนุษย์มีก้อนเนื้ออยู่ก้อนหนึ่งเมื่อเนื้อก้อนนั้นดีทุกส่วนของร่างกายก็ดีไปด้วย เมื่อเนื้อก้อนนั้นเสียทุกส่วนของร่างกายก็เสียไปด้วยพึงทราบเถิดก้อนเนื้อก้อนนั้นคือหัวใจ สิ่งนี้กระมั่งที่ทำให้คนเราสะอาดอย่างแท้จริง..... 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น