จากเชียงใหม่ ‘ไนท์’ ถึงชุมชนรอบข้าง คำตอบที่กำลังจะเป็นรูปธรรม
ยิ่งมนุษย์อยู่กับความเจริญก้าวหน้ามากเท่าไร มนุษย์กลับยิ่งค้นหาความดั่งเดิมของการเป็นอยู่มากขึ้น
และยิ่งมนุษย์มีความสะดวกสบายทันสมัยมากเท่าใด มนุษย์มักจะโหยหาธรรมชาติที่สมบูรณ์และอยากที่จะเรียนรู้ความเป็นวิถีในการดำเนินชีวิตของคนพื้นถิ่นมากเท่านั้น
และบ่อยครั้งที่ผมรู้สึกหงุดหงิดกับการถูกจัดฉากและตบแต่งในความเป็นวิถีของคนพื้นเมือง
เพื่อสร้างมูลค่าด้านการตลาดเพียงอย่างเดียว
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเรียนรู้วิถีชีวิตแบบชะโงกหน้าเที่ยวชมโดยมีเวลาจำกัด
ไม่สามารถที่จะเรียนรู้ชีวิตในความเป็นวิถีอย่างแท้จริง รีบมารีบชมรีบถ่ายรูป
ทุกอย่างถูกกำหนดไว้อย่างแน่นโดยบริษัททัวร์ต่างๆ ที่หวังจากการสร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆกัน
โดยชุมชนต่างได้เพียงแค่เศษเงินจากนักท่องเที่ยวหรือบริษัททัวร์ไม่ได้เป็นการเรียนรู้ชีวิตผ่านวิถีของคนพื้นเมืองอย่างแท้จริง
ปฎิเสธไม่ได้ว่า
จังหวัดเชียงใหม่ถือว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้าน
การท่องเที่ยว เศรษกิจ และการลงทุน
เพราะจังหวัดเชียงใหม่รองรับนักท่องเที่ยวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติหรือประเพณีวัฒนธรรมของชาวล้านนา
ด้วยความหลากหลายในการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
นิยมเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ เป็นจุดหมายปลายทาง
เมื่อเชียงใหม่เป็นเมืองของนักท่องเที่ยวทำให้เศรษฐกิจและการลงทุนมีการเติบโตตามลำดับ
และคุณภาพของนักท่องเที่ยวเองก็มีความหลากหลาย ทำให้เกิดความซับซ้อนของคุณภาพนักท่องเที่ยวมากขึ้นเช่นกัน
หากจะมีหน่วยงานที่สร้างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนก็คงเป็นหน่วยงานรัฐที่ชื่อว่าองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) หรือ อพท. ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูและของสำนักนายกรัฐมนตรีถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างพื้นที่พิเศษในการท่องเที่ยวอย่างยังยืน
เที่ยวอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน เมื่อ 9 ปีที่แล้วคงเป็นคำถามให้กับหลายๆคน รวมทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบ้าน สำหรับนักท่องเที่ยวเองไม่เข้าใจว่าในการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืนเป็นอย่างไร
สำหรับชาวบ้านก็ยังไม่แน่ใจว่าเรามีอะไรที่จะทำให้เป็นการท่องเที่ยวได้บ้าง
มันเป็นการท่องเที่ยวแบบไหนและจะเที่ยวอย่างไร จาก 9 ปี ที่ อพท. ดำเนินงาน ให้แนวคิดกับชาวบ้านตามชุมชนต่างๆและคัดเลือกพื้นที่พิเศษสำหรับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
9
ปีผ่านมาเริ่มมีเค้าโครงแห่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ก่อตัวเป็นรูปธรรมมากขึ้นในหลายเขตพื้นที่พิเศษของอพท. ตัวอย่างเช่นชุมชนรอบเชียงไหม่ไนท์ซาฟารีก็เป็นตัวอย่างที่น่าทำความเข้าใจ
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเมื่อแรกเริ่มเปิดให้บริการในตอนเย็นจนถึงกลางคืนและจัดเป็นสวนสัตว์กลางคืนแห่งแรกในประเทศไทยแต่ในปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งวันทั้งในเวลากลางวันและในเวลากลางคืนและอาจนับได้ว่าเป็นสวนสัตว์กลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีขนาดใหญ่เป็น
2 เท่าของไนท์ซาฟารีสิงคโปร์
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ
– ปุยมีส่วนเชื่อมระหว่างตำบลแม่เหียะอำเภอเมืองและตำบลหนองควาย อำเภอหางดง มีเนื้อที่ทั้งหมด 819 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเทื่ยวชมอย่างมากมายในแต่ละปี
จากปัญหาดังกล่าว
อพท.ได้ทำการคัดเลือกเขตพื้นที่พิเศษ ในบริเวณรอบเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน
นาย สุรเชษธ์
ตาคำมา ผู้ใหญ่บ้านบ้านสันลมจอย ต.สุเทพ กล่าวว่า ในชุมชนของเรามีความพร้อมในระดับหนึ่ง
ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชม กอรปกับพื้นที่ชุมชนที่อยู่ติดกับตีนดอย
ทำให้สามารถเที่ยวได้หลายอย่าง เช่น นักท่องเที่ยวสามารถปั่นจักรยานเที่ยวชมในหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง
หรือจะเป็นการเดินป่าศึกษาธรรมชาติไปจนถึงทางต้นน้ำบนดอย แต่สิ่งที่เราขาดอยู่เป็น
การจัดการความรู้ในการท่องเที่ยวและการทำความเข้าใจกับชาวบ้านในการเปิดรับนักท่องเที่ยว
จุดแข็งของเราคือ ชุมชนมีความเป็นธรรมชาติเพราะอยู่ตีนดอย มีเส้นทางเดินป่าไปหาแหล่งต้นน้ำ
เรามีหมู่บ้านม้ง มีวิถีการเป็นชุมชนเกษตรและอยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่ ที่สามารถเดินทางได้ง่าย
เราสามารถที่จะเชื่อมโยงกับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น