วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

เราจะปกป้องศาสดามูฮำหมัด(ซ.ล)กันอย่างไร…..



เราจะปกป้องศาสดามูฮำหมัด(ซ.ล)กันอย่างไร…..
คอลัมน์วิพากสังคมมุสลิม
โดยอดัมชินจัง









ตั้งแต่มีเหตุการณ์ที่นาย แซม เบซิล ซึ่งเป็นนามแฝง ชาวอียิปต์ นับถือศาสนาคริสต์ นิกายคอปติก ทำหนังสั้นเรื่อง ดิ อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิมออกมา ดูหมิ่นนบีมูฮำหมัด(ซ.ล)ศาสดาองค์สุดท้ายของศาสนาอิสลาม จนกลาย เป็นเรื่องราวลุกลามใหญ่โตหวุดหวิดจะกลายเป็นสงครามศาสนาย่อยๆ กระจัดกระจายไปทั่วโลก  และยิ่งเอกอัครราชทูตอเมริกาเสียชีวิตในประเทศลิเบีย ยิ่งสร้างความโกรธแค้นระดับประเทศ ไม่ใช่เรื่องอะไรนอกจากพิษภัยของการลบหลู่ ดูหมิ่นในศาสนาอิสลาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มุสลิมทั่วโลกตื่นตัวกันมากในเรื่องทีเราจะต้องปกป้องนบี ร่วมถึงประเทศไทยเราด้วย สื่อมุสลิมในหลายๆค่ายได้ออกมาเล่นข่าวนี้กันมากมาย และพร้อมที่จะเป็นหัวขบวนในการเดินทางไปประท้วง ทั้งเฟสบุค และทวิตเตอร์ มีมุสลิมได้แสดงออกถึงการที่เราจะเป็นหนึ่งในเรื่องของการรักนบีและต้องปกป้อง เด็กๆชูป้ายเขียนข้อความเรารักนบี  และหลายหน้าเพจหลายๆหน้าที่แสดงออกถึงการรักนบี มุสลิมส่วนใหญ่ในประเทศตื่นตัวกับหนังสั้นที่ยาวไม่ถึง15นาทีกันมาก
ผมนั่งดูคลิปดังกล่าวที่ดูหมิ่นนบีอันเป็นที่รักของเราทุกคนและติดตามข่าวดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมุสลิมการเรียกร้องของนักปราชญ์ให้ออกมาต่อต้านหรือตอบโต้การหมิ่นดังกล่าว สื่อในsocial mediaได้โหมกระหน่ำในหน้าเพจมุสลิมและได้ยินเสียงแว่วๆจากช่องสีขาว ว่าจะทำหนังเกี่ยวกับนบีออกมาในอนาคตให้คนต่างๆได้รู้และเข้าใจ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวผมลองเอาปัญหาที่นบีของเราถูกดูหมิ่นมานั่งคบคิดและลองขยายกรอบความคิดให้กว้างออกไป และกรอบของเวลาให้ยาวนานขึ้น ทำให้เห็นอะไรต่างๆมากมายจากกลุ่มพี่น้องมุสลิมของเรา สำนักจุฬาฯที่เป็นผู้นำระดับประเทศแสดงบทนิ่งเฉย กลุ่มคนทำสื่อมุสลิมในช่องต่างๆได้ออกมาแสดงบทผู้นำในการเรียกร้องแสดงออกถึงการรักนบี ชูป้ายเดินประท้วงและร่วมละหมาดหน้าห้างดังกลางเมืองหลวงและคนทำสื่อก็เอาไปขยายความในสื่อที่ตัวเองสังกัดบอกให้มุสลิมที่ไม่ได้ร่วมขบวนได้รับรู้ถึงพลังในการแสดงออกของพี่น้องเรา และกระแสการรักนบีก็ดังกระหึ่มในหน้าออนไลน์
ถ้าเรามองถึงปัญหาดังกล่าวเราจะพบอะไร การดูถูกเหยียดหยามนบีอันเป็นสุดที่รักของเรามันเกิดขึ้นมาตอนไหนมันเป็นคำถาม มันเกิดขึ้นมาตั่งแต่นบีของเราเริ่มประกาศศาสนาวันแรก ที่อัลเลาะห์สั่งใช้นบีให้เริ่มทำงานเรียกร้องมนุษย์ชาติสู่ศาสนาอิสลาม โอ้ผู้ห่มกายอยู่เอ๋ย !จงลุกขึ้น แล้วประกาศตักเตือน ซูเราะฮฺ อัล-มุดดัษษิร วันแรกที่นบีเริ่มประกาศจนถึงวันที่ศาสนาสมบูรณ์ และมาถึงเราในยุคปัจจุบันที่มีคนนับถืออิสลามประมาณเกือบสองพันล้านกว่าคน
อิสลามได้ถูกต่อต้านมาต่างๆนานาทั่งที่ลับและเปิดเผยทั้งล้อเลียนและดูหมิ่น มาในรูปของตัวการ์ตูนที่แฝงนัยยะทางศาสนาบ้างหรือนิทานหรือจะเป็นเพลงหรือหนังสั้นของนายแซม เบซิล ดังกล่าว การทำอย่างเปิดเผยตัวก็มี ถ้ามองดูสิ่งที่ใกล้ตัวสำหรับคนในประเทศไทย ตัวอย่างเช่นแอ๊ดคาราบาว หรือจะเป็นดีเจเอฟก็เคยทำ ผมคงไม่ต้องขยายความถึงสิ่งดังกล่าว ถ้าใครเคยดูป๊อบอายในอดีตและคิดตามก็คงเข้าใจหรือนิทานเด็กเลี้ยงแกะหรือเพลงสากลที่วัยรุ่นมุสลิมชอบฟังหารู้ไม่ว่ามันเป็นเพลงที่ร้องและเล่นกันในโบสถ์และอีหลายกรณีอันนี้ยังไม่รวมกรณีที่มุสลิมโจมตีกันเองที่ปฎิบัติศาสนาไม่เหมือนกันถูกดูหมิ่นและบางครั้งก็ทำตัวเป็นเจ้าของสวรรค์เจ้าของนรก
แล้วปัญหามันคืออะไรถ้าเรามองลึกไปถึงปัญหาโดยกรอบความรู้และความเข้าของผมปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นมาคือศัตรู หมายเลข1ของอิสลาม คือ ยิว (ไซออนิส)ชนชาติที่จะทำอย่างไรก็ได้ที่ทำให้มุสลิมตกต่ำขาดเอกภาพและทำให้มุสลิมที่อ่อนในความเข้าใจอิสลามเดินตามและเห็นดีด้วยกับมัน
สิ่งที่มุสลิมได้ออกมาเดินเรียกร้องเดินขบวนนั้นเป็นแค่ปลายเหตุและก็แก้ไขอะไรไม่ได้ นอกเสียจากความสะใจของคนบางกลุ่ม ถ้าแสดงออกมากไปก็อาจทำให้เกิดความรำคานและต่อต้านของคนรอบข้างที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ (ถ้าไม่เชื่อลองเดินขบวนประท้วงตอนห้าโมงเย็นวันศุกร์สิ้นเดือนดู)จากความเห็นใจและอย่างรู้ความเป็นมาอาจนำไปสู่การเกลียดชังก็ได้
แล้วมุสลิมจะแสดงออกอย่างไรนั้นแหละคือสิ่งที่มุสลิมต้องกับมานั่งคิดและวิเคราะห์ อย่างไหนเป็นการแก้ไขปัญหาได้ดีที่สุด อิสลามสอนให้มุสลิมทุกคนรู้ว่าเราจะทำสิ่งไหนก็แล้วแต่ มันจะมีกฎเกณท์ในการทำอยู่ สามระดับ ได้,ดี,ดีที่สุด เช่น การละหมาด ละหมาดที่บ้านได้ไหม ได้ ถ้ามาละหมาดที่มัสยิด อันนั้นดี แต่ถ้ามานั่งรอละหมาด สุดยอดแล้ว คือดีที่สุด
แล้วการแสดงออกสิ่งดังกล่าวมุสลิมจะทำอย่างไรในเมื่อมันทำหนังสั้นออกมาเราต้องทำหนังสั้นสู้กับมันเหมือนแบบเกลือจิ้มเกลือ หรือจะเดินขบวนแสดงถึงความมีพลังของพี่น้องมุสลิมที่รักนบี หรือตอบโต้กันในหน้าเว็บเพจ
ปัญหาที่แท้จริงมันไม่ได้อยู่ที่ยิว คนนั้น หรือคนกลุ่มไหนที่จะทำลายอิสลามแต่ปัญหามันคือ มุสลิมนั้นเองที่ทำให้อิสลามเราตกต่ำ วันนี้เราเรียกร้องในการแสดงพลัง รวมพลคนรักนบี  ขอถามเรารักนบีกันแบบไหน เดินชูป้ายรักนบีและรวมละหมาดกันหน้าห้าง กลางกรุงเทพฯอย่างนั้นหรอ  สิ่งนี้หรือพี่น้องที่บอกว่าเรารักนบี ไม่ใช่หรอก ใครก็ตามที่ปากบอกว่ารักนบีเขาหรือใครคนนั้นจะต้องลอกเลียนแบบพฤติกรรมของท่านนบีมาอยู่บนตัวเขาให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกินการนอนการดำเนินชีวิต มารยาททางสังคม การอยู่รวมกันกับครอบครัว การค้าขาย บุคลิกลักษณะต่างๆและการทำอีบาดะห์ ต่ออัลเลาะห์(ซ.บ.)แล้วปัจจุบันสังคมมุสลิมเป็นอย่างไร ปากบอกว่ารักนบีแต่ไม่เคยไปมัสยิดเหมือนนบีเลย (นบีไปละหมาดที่มัสยิดจนถึงวาระสุดท้ายของท่าน) เราบอกว่าเรารักนบีแต่ไม่มีบุคลิกและสัญลักษณ์อะไรที่บอกว่าเป็นมุสลิม  แล้วมุสลิมกับคนที่ดูถูกอิสลามอย่างไหนคือความแตกต่าง คนที่น่ากลัวไม่ใช่คนยิวกลุ่มต่างๆที่เปิดเผยตัวในการทำให้อิสลามตกต่ำ แต่เป็นคนอิสลามเองที่บอกว่ารักแต่ไม่ปฏิบัติอิสลามทำให้อิสลามตกต่ำดังเช่นปัจจุบัน แค่พี่น้องมุสลิมขาดการพยายามบนอีหม่านไปสู่การปฎิบัติอาม้าลศาสนาอิสลามแค่นี้เราก็ตกต่ำแล้ว เราเช็คอีหม่านมุสลิมกันอย่างง่ายๆถ้าถามว่ามีกี่คนในชุมชนมุสลิมที่ได้ละหมาดซุบฮี่ มีกีเปอร์เซ็นต์ เราบอกว่าเรารักนบี  บนตัวเรามีซุนนะห์อะไรบ้างที่ทำเป็นประจำ เราบอกว่าเรารักพี่น้องมุสลิมของเรา เราเคยดุอาถึงพี่น้องของเราจนหลั่งน้ำตาในสภาพความปวดร้าวที่พี่น้องเราประสบไหม มันเป็นคำถามง่ายๆ อันนี้ต่างหากที่เป็นพลังที่แท้จริงในความรัก ยิ่งพี่น้องมุสลิมเรียกร้องตัวเองให้มีความผูกพันกับมัสยิดมากเท่าไร ยิ่งพี่น้องมุสลิมเรียกร้องตัวเองมาสู่การปฎิบัติสุนะห์มากเท่าไร ยิ่งพี่น้องมุสลิมดุอาให้พี่น้องของเราจนมีน้ำตาอาบแก้มในความปวดราวที่พี่น้องมุสลิมเราได้เผชิญ สิ่งต่างๆเหล่านี้ต่างหากที่เป็นพลังและเป็นการแสดงออกถึงการรักนบีที่เราได้เจริญรอยตามไปสู่ความรักและเป็นแนวทางที่ให้อัลเลาะห์พอใจ ....
สิ่งต่างๆเหล่านี้มันเป็นคำถามที่พี่น้องมุสลิมต้องช่วยกันตอบ เมื่อวันหนึ่งอิสลามได้เข็มแข็งบนตัวของมุสลิมมากเท่าไร ภาพของความรักนบีก็จะเป็นรูปธรรมมากขึ้น มุสลิมร้อยเปอร์เซ็นในชุมชนต่างๆเดินมาสร้างความจำเริญให้กับมัสยิด ภาพของมุสลิมปรากฎไปตามตรอกซอกซอยทั่วหน้าแผ่นดิน ภาพสังคมแห่งอิสลามมีชีวิตเกิดขึ้น เราไม่ต้องพูดหรอกว่าเรารักนบีถ้าภาพนั้นมันปรากฎไปทั่วในสังคม ใครจะทำร้ายหรือใครจะดูหมิ่น ก็ทำอะไรสังคมมุสลิมไม่ได้ ถ้าพลังดังกล่าวปากฎอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม