วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สองนาทีกับชาติ กอบจิตติ



                            สองนาทีกับ ชาติ กอบจิตติ


หลายวันก่อนได้เจอกับนักเขียนรุ่นใหญ่อย่าง ชาติกอบจิตติ ผมรู้จักพี่ชาติผ่านงานวรรณกรรมในหลายๆเล่ม ทุกครั้งที่ผ่านแผงหนังสือถ้าเห็นชื่อ ของชาติ กรอบจิตติเป็นจะต้องเปิดอ่านหรือชำเลืองดูไม่มากก็น้อยแล้วแต่ตามโอกาสที่จะอำนวย และบ่อยครั้งต้องควักเงินซื้องานเขียนของนักเขียนอย่างชาติ เพียงเหตุผลเพราะ ชอบ และอยากตามดูการเดินทางของตัวอักษร ผ่านงานเขียนที่สะท้องสังคมอีกด้านที่เข็มข้นของชีวิต อย่างที่คุณ เสนีย์ เสาวาพงศ์ เขียนถึงชาติว่า สุนทรียภาพตามความเป็นจริงที่เปล่าเปลีอย เขาวางตัวเป็นผู้แสดงความจริงทางสังคมให้ปรากฏ แล้วก็หยุดอยู่ตรงนั้น จึงดูเหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น  ผมมีเวลาบนหน้ากระดาษไม่มากที่จะทำความรู้จักกับชายคนนี้ ผ่านบทสนทนา ถึงตัวตนและวิธีคิด  แต่อย่างน้อยผมก็มีสองนาทีกับชาติกอบจิตติ
ช่วยupdate ผลงานหน่อยครับ
ก็กำลังเขียนนิยายอยู่แต่ยังอีกนานกว่าจะเสร็จ แล้วก็มีเขียนให้Writerอยู่ ส่วนนิยายที่เขียนอยู่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเสร็จ
มุมมองของคุณชาติที่กรุงเทพจะเป็นเมืองหนังสือโลกเป็นอย่างไรบ้าง
มันก็ต้องมาดูตัวเรา มันสำคัญหรือเปล่ากับการจะเป็นเมืองหนังสือโลก ถ้าคนในบ้านเราไม่อ่านหนังสือมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ถึงเราไม่เป็นก็ได้แต่ถ้าคนอ่านเราเยอะคนอ่านหนังสือมากกว่าปัจจุบันก็ยังดีกว่า ดีกว่าเราเป็นแล้วไม่มีคนอ่านหนังสือมันเป็นแบบหลอกๆ
แล้วที่เคยบอกว่างานหนังสือที่จัดขึ้นมาจะทำลายร้านขายหนังสือเล็กๆ
เดียวนี้ร้านเล็กๆก็ไม่ค่อยมีแล้ว เราก็เพียงแต่ได้บอกเท่านั้นเอง ของข้างหน้าจะให้ทำเราก็ไม่มีอำนาจไม่มีกำลังทำ เดียวนี้ร้านเล็กๆก็คงจะไปกันเกือบๆเกลี้ยงแล้ว
งานเขียนที่เขียนมาคิดว่าถึงจุดสูงสุดหรือยัง
มันไม่ใช่ถึงจุดสูงสุด คือมันยังทำได้อีก ทำได้เรื่อยๆยังมีโอกาสก็ยังทำอยู่  แต่พออายุมันมากขึ้นมันก็เฉื่อยลงแรงเร้ามันก็น้อยลง มีอย่างอื่นที่ทำแล้วมันสนุก... ตอนนี้ก็ทำไร่ปลูกข้าวอะไรไปเรื่อยๆ
อุดมคติในชีวิตวางไว้อย่างไรบ้าง
มันก็ไม่เชิงอุดมคติหรอก เราก็อยู่ได้พึ่งตัวเองได้ แล้วถ้าไปช่วยคนอื่นได้เราก็ช่วยไป แล้วก็ไม่พยายามสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเค้า ที่เหลือจะกินเหล้าเมายาอะไรมันก็เรื่องของเรา ....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น