คอลัมน์คุยกับกรุงเทพฯ
โดย อดัมชินจัง
กรุงเทพฯของใคร......
เราเห็นความงามไม่เท่ากัน คนเราต่างกันที่ความคิดและความรู้สึก..... ผมเปิดประโยคสนทนากับเพื่อนหนุ่ม มันเป็นประโยคสนทนาสั้นๆระหว่างเพื่อนกับเพื่อน เพื่อนผู้พิสมัยความงามแบบฉาบฉวยจับต้องสัมผัสได้เพียงภายนอกที่ได้พบเห็น และชอบตัดสินสิ่งที่เห็น ว่าดีหรือเลว ชอบหรือรังเกียจ สวยงามหรือสกปรก มันเป็นประโยคสนทนาเริ่มต้นและเป็นประโยคจบในคราวเดียวกัน ความเงียบเข้ามากั้นระหว่างเรา ความคิดกำลังทำงานในการรับรู้ผ่านสายตาที่บอกถึงความงามของเราไม่เท่ากัน ในการมองสังคมและการตัดสินตามความคิดเพียงฝ่ายเดียว และแคบ
พ.ศ.2555... กรุงเทพฯของคนเก็บขยะ...เป็นการทำงานบนซากข้าวแกงเน่าบูด
คราบเสลด ขี้บุหรี่ และสิ่งของไร้ค่าของคนเมือง
มันสร้างอาชีพได้ เสียงของคนเก็บขยะบอกกับตัวเอง ทุกที่ล้วนมีขยะผมเห็นขุมทรัพย์จากกองขยะ
ถ้าโชคดี วันนี้คงได้ตุ๊กตาแขนหักไปฝากไอ้หนูแดง... กรุงเทพฯของคนขับรถแท็กซี่เป็นการทำงานบนสายตาที่ว่องไวเหมือนเหยี่ยวหลังพวงมาลัยในการรับผู้โดยสายและขาที่คอยเยียบหรือถอนคันเร่ง
เป็นเรื่องปกติถ้าผมจะหักพวงมาลัยรับผู้โดยสารโดยลืมมองรถที่ตามมา
ประการต่อมาล้อรถต้องเล็กเพื่อรอบมิเตอร์จะได้เพิ่มเร็วขึ้น
มันเป็นการทำงานแข่งกับเวลา เวลากะของผมมันหมายถึงเงินค่าเช่ารถ ค่าข้าว ค่าบุหรี่ และลูกเมียที่คอยสวดมนต์ว่าวันนี้พ่อคงโชคดีไม่โดนโจนปล้นเวลาและชีวิต...กรุงเทพฯของคนขายน้ำอ้อยเป็นการตัดพ้อต่อโชคชะตาที่ต้องมาเจอกับเทศกิจในเวลางาน มันไม่ให้ผมขาย มันจับและปรับ
แล้วผมจะอยู่อย่างไร สักวันถ้าผมเหลืออด ผมจะตีมันด้วยขวดใส่น้ำอ้อยให้หายแค้นเป็นความคิดของคนขายน้ำอ้อย....
กรุงเทพฯของตำรวจจราจรเป็นการตั้งด่านกวดขันวินัยของผู้ขับรถมันหมายถึงเงินค่าปรับแต่ผมลืมบอกว่าวินัยมันสร้างที่โรงเรียนและฝังจบอยู่ในนั้น
พ.ศ.นี้หลายคนลืมว่าเคยมีวินัย...กรุงเทพฯของนักหนังสือพิมพ์เป็นการเขียนข่าว PR องค์กรหรือตัวบุคคล ให้ดูแนบเนียนมากกว่าอุดมการณ์ของนักหนังสือพิมพ์...ก็มันทำให้หนังสือของผมอยู่รอดนี่หว่าเสียงจากบรรณาธิการหลังแป้นพิมพ์ขณะจิบไวน์คาราแพงที่เป็นของกำนัลบริษัทPR...และหลายๆตัวละครของกรุงเทพฯที่น่าทำความรู้จักในพ.ศ.นี้หรือ
พ.ศ. ไหน มันเป็นตัวละครที่น่ารักและผมจะบันทึกตัวละครเหล่านั้นผ่านหน้ากระดาษแห่งนี้ไม่ให้มันดูว่างเปล่าเพื่อส่งผ่านไปยังผู้อ่านในการทำความรู้จักกับกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทย
กรุงเทพฯ พ.ศ.นี้ของผมต่างจาก พ.ศ.ของคุณรงค์
วงษ์สวรรค์ ผู้เป็นครูสอนชั้นเชิงในการมองชีวิตคนกรุงผ่านงานเขียน กรุงเทพฯรจนา
แต่กรุงเทพฯก็ยังเย้ายวนให้ผมหลงใหลในบางห้วงเวลา.... จอดให้ผมลงหน่อยกรุงเทพฯผมจะลงไปคุยกับคุณ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น